Huayเคล็ดลับเลือกเบอร์มงคลส่งเสริมขายของออนไลน์ให้ยอดปังๆ ธุรกิจขายของออนไลน์กำลังเป็นธุรกิจสุดฮิตในปัจจุบันที่ใคร ๆ ก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้ ซึ่งสำหรับใครที่กำลังคิดที่จะเริ่มต้นธุรกิจขายของออนไลน์ หรือการทำธุรกิจขายของออนไลน์ยังไม่ได้ผลตอบรับไม่ดีเท่าที่คาดหวังเอาไว้ ลองตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของท่านว่าเป็นเบอร์มงคลและมีหมายเลขที่ส่งเสริมการขายของออนไลน์เหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากหมายเลขเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมในการค้าขายให้เป็นไปอย่างราบรื่น และมีเงินทองไหลมาเทมา เพื่อปรับดวงชะตาโชคลาภของผู้ค้าขายให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครอยากรู้ว่ามีวิธีการเลือกเบอร์มงคลที่เกี่ยวข้องกับการขายของออนไลน์อย่างไร วันนี้ เเอดมินรํ่ารวย จะพามาหาคําตอบกันนะค่ะ เช็คสถิติหวยลาวย้อนหลังได้ที่ >>> สถิติหวยลาว 2563 <<<
Huayเคล็ดลับเลือกเบอร์มงคลส่งเสริมขายของออนไลน์ให้ยอดปังๆ
วิธีเลือกเบอร์มงคล ขายของออนไลน์เบื้องต้น
สำหรับวิธีการเลือกเบอร์มงคล ขายของออนไลน์เบื้องต้น คุณจะต้องเข้าใจก่อนว่าโดยปกติแล้วเบอร์โทรศัพท์ของคนเราจะมีเลขทั้งหมด 10 ตัว คือ 0xx-xxxxxxx ซึ่งในการดูเบอร์มงคลเราจะไม่สนใจเลข 3 ตัวแรก แต่สำหรับเลข 7 ตัวหลัง จะต้องมีคู่เลขมงคลที่ติดกันโดยเลขสามารถกลับกันได้ เช่น ถ้าคู่เลขมงคลที่คุณต้องการใช้คือ 12 คุณก็ควรหาเบอร์โทรศัพท์ที่มีเลข 12 หรือ 21 ในเบอร์มาใช้ ซึ่งเมื่อคุณเข้าใจหลักในการเลือกเบอร์มงคล ขายของออนไลน์เบื้องต้นแล้ว คำถามต่อมาก็คือควรจะใช้คู่เลขมงคลตัวไหนดีจึงจะเหมาะกับการขายของออนไลน์ ซึ่งเราก็ได้เตรียมคู่เลขเบอร์มงคล ขายของออนไลน์มาไว้ให้แล้ว
คู่เลขมงคล 46 และ 64 ช่วยส่งเสริมด้านการค้า
คู่เลขมงคลคู่นี้เป็นคู่เลขที่นิยมนำมาใช้กับเบอร์มงคล ขายของออนไลน์อย่างมาก เพราะเลข 46 กับ 64 เป็นคู่เลขธาตุน้ำ ซึ่งเชื่อกันว่าให้โชคลาภด้านการเงิน และความรัก ช่วยให้การทำมาค้าขึ้น ค้าขายคล่อง หมุนเงินดี นอกจากนี้ยังช่วยเสริมเสน่ห์ให้ผู้อื่นรักใคร่ เอ็นดู ทำให้เหมาะกับคนที่จำเป็นต้องใช้การเจรจาในการค้าขายอีกด้วย
คู่เลขมงคล 49 และ 94 ช่วยส่งเสริมด้านการทำงานกับเทคโนโลยี
เป็นคู่เลขมงคลที่ส่งเสริมการงานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี ให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งในที่นี้ก็รวมถึงการขายของออนไลน์ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นคู่เลขนี้ยังช่วยเสริมความสามารถทางการสื่อสาร ทำให้สามารถสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงสามารถนำคู่เลขนี้มาใช้กับเบอร์มงคล ขายของออนไลน์
จากตัวเลขที่เราให้ไป ทั้ง 4 เลข ถือเป็นคู่เลขที่นิยมนำมาใช้กับเบอร์มงคล ขายของออนไลน์ และดึงดูดเงินให้ไหลมาเทมา ดังนั้นเบอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการค้าขายออนไลน์จึงเป็นเบอร์ที่มีคู่เลขทั้ง 2 อยู่ด้วยกัน เช่น 0xx-49xxx64 หรือ 0xx-46x94xx สุดท้ายนี้ต้องขอย้ำว่าเรื่องเบอร์มงคล ขายของออนไลน์เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่กฎตายตัวที่จะนำมาตัดสินและกำหนดโชคชะตาให้ได้ดังใจ แต่ถ้าหากคุณมีเบอร์มงคล ขายของออนไลน์อยู่กับตัวรับรองได้เลยว่ามันจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการทำการค้าขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เกร็ดความรู้
9 อย่างที่ควรมีก่อนเริ่มขายของออนไลน์
ทุกวันนี้มีผู้คนมากมายสนใจอยากเริ่มทำธุรกิจออนไลน์หรือ ขายของออนไลน์ เพราะดูเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย แถมไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักแต่แท้จริงแล้วการเปิดร้านขายของออนไลน์หรือทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวที่ดี เพราะไม่อยากนั้นแล้วอาจจะขาดทุน จนต้องล้มเลิกไปก็ได้
วันนี้ พิมเพลินเลยอยากขอนำ 9 อย่างที่ควรมี ก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์มาบอกคุณผู้อ่าน เพื่อให้ได้เตรียมตัวก่อนเริ่มเปิดร้านออนไลน์กันค่ะ
1. ชื่อร้าน ขายของออนไลน์ ชื่อร้านต้อง อ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู ค้นหาเจอ
หลายคนคิดว่าการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง จะตั้งชื่อร้านอะไรก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งถ้าแปลกไม่ซ้ำใครยิ่งดี (บางทีถึงกับเปิดดิกชันนารีหากันด้วยซ้ำ) แต่หารู้ไม่ การตั้งชื่อร้านต้องมีเทคนิคนั่นก็คือ ต้องอ่านง่าย จำง่าย คุ้นหู และต้องค้นหาเจอง่าย
-
อ่านง่าย ชื่อที่ออกเสียงยาก ไม่คุ้นหูคนไทย มีผลทำให้ลูกค้าไม่จดจำร้าน หรือบางทีก็ไม่กล้าแนะนำร้านคุณกับคนรู้จัก เพราะกลัวออกเสียงผิด! เท่ากับคุณเสียโอกาสได้ลูกค้าใหม่ไปอีกคน
-
จดจำง่าย คุ้นหู ชื่อร้านที่ดีควรทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย เห็นปุ๊บจำปั๊บยิ่งดี ข้อนี้ก็แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละคนเลยค่ะว่าจะใช้ไม้ไหน ไม่ว่า ตั้งชื่อร้านให้สัมพันธ์กับสินค้าที่ขาย เช่น ถ้าคุณขายนาฬิกาและตั้งชื่อให้มีคำว่า Time หรือ Watch ลูกค้าก็จะสามารถจดจำและหาร้านของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือใช้เทคนิคใช้ศัพท์ที่เรียกความสนใจ เช่น ‘คนอะไรเป็นแฟนหมี’ (นั่นดิ..คนอาร๊ายเป็นแฟนหมี อยากรู้ไหมล่ะ)
-
ค้นหาเจอง่าย สมัยนี้ไม่มีใครจะหาอะไรก็ต้องถามอากู๋ Google หรือ Facebook กันทั้งนั้นแหละค่ะ ยิ่งถ้าเราคิดชื่อได้ตรงกับคำศัพท์ที่ลูกค้าใช้ค้นหา (Search) ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ลูกค้าหาร้านเราเจอง่ายขึ้น
2. สินค้า เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่ใช่
-
เลือกจากสิ่งที่ชอบ เลือกจากสิ่งที่คุณชอบ เพราะเวลาขายคุณจะสามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างชัดเจน นี่ยังไม่นับไปถึงความสุขที่คุณจะได้ทำสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ จนรู้สึกมีความสุขจนเหมือนไม่ได้ทำงานเลยนะ
-
เลือกจากสิ่งที่ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ได้ชื่นชอบอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากมีร้านค้าเป็นของตัวเอง คุณอาจจะเริ่มโดยการสำรวจตลาดว่าสินค้าอะไรกำลังเป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่คนส่วนมากหันมาใช้สมาร์ทโฟน การขายแบตสำรองหรือเคสโทรศัพท์มือถือก็เป็นความคิดที่ไม่เลว หรือจะหาไอเดียได้ที่ ขายอะไรดี ? รวมไอเดียสินค้าน่าขายออนไลน์
3. เงินทุน ต้นทุนการขายของออนไลน์ ไม่ได้มีแค่ค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว
เงินที่คุณจะนำมาลงทุนในการเริ่มร้านออนไลน์ไม่ควรจะครอบคลุมแค่ค่าสินค้าที่คุณจะสั่งมาขาย แต่ควรรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คุณอาจต้องเสีย เช่น ค่าจัดส่ง ค่าแพ็กสินค้า ค่าโฆษณา ฯลฯ ดังนั้น คุณควรวางแผนให้ดี ว่าเงินทุนของคุณนี้จะสามารถทำให้คุณดำเนินการได้แบบไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นทีหลัง ยิ่งถ้าคุณคิดจะลาออกจากงานประจำมาขายของออนไลน์ด้วยแล้ว คุณยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ
4. จุดยืนของร้าน วางแผนร้านให้ชัดเจน
เมื่อมีสินค้าแล้ว ก็ถึงเวลาคิดว่าสินค้าของคุณเหมาะที่จะขายส่งหรือขายปลีกมากกว่ากัน บางครั้งการเลือกขายสินค้าส่งในราคาถูก เอากำไรน้อย อาจทำให้คุณรวยแบบไม่รู้เรื่องก็ได้ ในขณะที่สินค้าบางอย่าง เช่น สินค้าแฟชั่น ก็เหมาะที่จะขายปลีกแบบเอากำไรสูง
5. ช่องทางขายสินค้า ขายที่ไหนบ้าง? FACEBOOK, INSTAGRAM หรือ LINE@
ช่องทางการขายว่าเราจะเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าของเราบนไหน ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีต่อผลต่อความสำเร็จของร้าน เพราะแต่ละช่องทางเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน
-
ขายบนเพจ Facebook เป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด คนขายนิยมสูงสุด และก็เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราได้มากที่สุดเช่นกัน เพราะสมัยนี้ใครๆก็เล่น Facebook กันทั้งนั้น ทำให้สินค้าเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมาก ยิ่งปัจจุบัน Facebook เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบที่ใช้ลงโฆษณาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายเองด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เปิดเพจขายของบน Facebook ยิ่งฮอตฮิตเข้าไปใหญ่ ทำให้คนหายกลายเป็นเศรษฐีมาแล้วมากมาย
-
ขายบน Instagram เป็นอีกช่องทางที่เริ่มนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยจะเน้นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มากเหมือน Facebook ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ คุณต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าในระดับนึงเลยแหละถึงจะปัง แต่ถ้ายังฝีมือไม่เข้าขั้นก็ฝึกฝนกันได้นะคะ
-
ขายผ่าน LINE และ LINE@ ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจและควรมี แต่นั่นต้องหลังจากที่คุณมีเพจ Facebook หรือ ร้านบน Instagram แล้วนะคะ เพราะช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนเป็นๆ มากกว่า ร้านค้าส่วนใหญ่จึงใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเก่า เช่น การอัปเดตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โปรโมชั่นล่าสุด ฯลฯ
6. แผนการตลาด จุดขายดึงดูด ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย
แผนการตลาด เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดชะตาของร้านคุณ เพราะถึงคุณจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูก แต่ถ้าไม่มีใครรู้จักร้านของคุณก็ไม่มีประโยชน์ คุณจึงควรวางแผนให้ดีว่าจะโปรโมตร้านค้าหรือสินค้าของคุณอย่างไร จะดึงดูดลูกค้าอย่างไร และจะทำให้อย่างไรให้ร้านคุณที่เพิ่งเปิดใหม่เอาชนะร้านอื่นๆ ที่เปิดมาก่อนหน้าคุณได้ การวางแผนการตลาดอาจเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้
-
วาดภาพเป้าหมายให้ชัดเจน
-
มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น เมื่อเปิดเพจแล้วจะทำให้คนรู้จักอย่างไร
-
วางงบประมาณที่จะใช้เพื่อทำให้ขั้นตอนต่างๆ สำเร็จ
-
วางกำหนดเวลาเพื่อประเมิน ตรวจสอบ และปรับปรุงแผน
7. ช่องทางการชำระเงิน ยิ่งเยอะยิ่งดี ถ้าขายของแพงรับบัตรเครดิตได้ยิ่งเริ่ด
การชำระเงินควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า คุณควรเปิดบัญชีสำหรับร้านของคุณกับธนาคารที่คนส่วนใหญ่ใช้บริการ แทนที่จะเลือกธนาคารที่ไม่เป็นที่นิยมแต่ให้ดอกเบี้ยดี นอกจากนี้ ถ้าคุณวางแผนจะขายสินค้าให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ คุณก็ควรมีบัญชีที่รองรับการโอนเงินจากต่างประเทศ (และมีแผนสำหรับการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบที่คุณไม่ขาดทุน) บัญชี Paypal นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีและสามารถสมัครใช้งานง่าย
8. ความอดทนและมุ่งมั่น คิดไว้เราต้องทำได้
หลายคนเริ่มธุรกิจด้วยความรู้สึกอยากรวยเร็ว เราหวังให้การลงทุนของเราผลิดอกออกผลเป็นกำไรตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มเปิดร้าน แต่นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความเพ้อฝัน เพราะเมื่อคุณเริ่มเปิดร้าน เป็นไปได้ว่าคุณจะไม่มีลูกค้าเลยในอาทิตย์แรกๆ (ไม่นับเพื่อน ญาติ และคนรู้จัก) อาจมีลูกค้าหลายคนมาให้ความสนใจสินค้าของคุณแต่ก็จากไป คุณจะเริ่มสงสัยว่าคุณทำอะไรผิด บางครั้งอาจถึงขั้นอยากลดราคาแล้วขายทุกอย่างเพื่อให้คืนทุน อย่าทำแบบนั้น คุณต้องมั่นใจและหมั่นตรวจสอบแผนการตลาดของคุณว่าได้ผลตามคาดหรือไม่ และหัดปรับเปลี่ยน ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียกลูกค้า และอย่าท้อแท้
9. เวลา ยิ่งเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
ถ้าคุณเตรียมตัวจะยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพก็แล้วไป แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ยังต้องทำงานประจำ คุณควรวางแผนบริหารเวลาให้ดี เพราะบางที “ความอยากได้” ของลูกค้าก็มีระยะเวลาจำกัด การที่คุณไม่สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทันเวลา อาจหมายถึงการเสียลูกค้าไป
ติดตามข่าวสารต่างๆได้ที่ >>>> http://rotary-denver31.org
อ่านบทความอื่นๆได้ที่
- เบอร์สวยกับเบอร์มงคล ความต่างที่ต้องเข้าใจ
- เพิ่มพลังให้เบอร์มงคลเสริมดวงชีวิตให้รวยๆปังๆ
- ทำไมเบอร์มงคลถึงมีราคาแพงกว่าเบอร์ทั่วไป?